Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ผู้ปกครองประถมต้น

Posted By Plook Knowledge | 02 ก.พ. 68
40 Views

  Favorite

ช่วงประถมต้น (ป. 1 - ป. 3) เป็นรากฐานสำคัญของพัฒนาการทั้งด้านการเรียนรู้และทักษะชีวิตของเด็ก ผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมพฤติกรรมรักการเรียน รู้จักความรับผิดชอบ และสร้างวินัยที่ดีให้กับลูก การสนับสนุนทั้งด้านอารมณ์และการเรียนจะช่วยให้เด็กปรับตัวเข้ากับระบบการศึกษาได้อย่างราบรื่น บทความนี้จะนำเสนอแนวทางการเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในวัยประถมต้น เพื่อให้พ่อแม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกได้อย่างมั่นใจ

 

การช่วยลูกให้สร้างนิสัยอยากไปโรงเรียน >>Click

เด็ก ๆ กับการตื่นเช้าไปโรงเรียน บางครั้งก็เป็น Moment ที่วุ่นวายสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่บางครั้งอาจจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ถ้าเด็กได้รับการปลูกฝังสร้างนิสัยอยากไปโรงเรียน

ภารกิจร่วมกันของผู้ปกครองและลูก สุดแสนจะสนุกสนานและอบอุ่น ตั้งแต่รับอรุณกันเลยทีเดียว แม้ผู้ปกครองบางท่านอาจจะบอกว่า สนุกไม่ค่อยออกเลย เพราะไหนจะต้องเรียก ปลุก ลุก ล้ม กลิ้งเกลือก เลื่อนไถโทรศัพท์ ติดการ์ตูน ติดน้องตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ติดสัตว์เลี้ยงแสนรักอยู่  กว่าจะแยกเจ้าตัวน้อยให้หลุดออกจากสิ่งเหล่านี้ได้ เล่นเอาผู้ปกครองหลาย ๆ ท่านหัวเสียกันเลยทีเดียว แถมเด็กบางคนเกิดอาการงอแงหงุงหงิง หงุดหงิดร้องไห้ มีอาการปวดหัวปวดท้องขึ้นมา แบบนี้งานเข้าคุณแม่คุณแม่แต่เช้าเลยค่ะ 

แต่ไม่ใช่เด็กทุกคนจะเป็นแบบนี้หรอกนะ บางคนรู้สึกตื่นเต้น อยากไปโรงเรียน ไปเจอเพื่อน เจอครู มีกิจกรรมใหม่ ๆ สนุก ๆ ที่เด็กชอบ แต่จะทำอย่างไร ให้ลูกของเราอยู่ในฟิลนี้ ลองมาดูวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยทำให้การไปโรงเรียนของลูก ไม่ใช่เรื่องปวดหัวของพ่อแม่ หรือความหมดสนุกของลูก

 

 

ฝึกทักษะการเอาตัวรอดให้ลูกน้อยในวัยประถมต้น >>Click

เด็กในวัยประถมต้นเป็นช่วงที่สมองมีพัฒนาการในการเรียนรู้ ช่างจดจำ ผู้ปกครองจึงควรใช้ช่วงจังหวะของชีวิตที่สำคัญนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อลูกน้อย เพื่อลูกของเราจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้บนโลกใบนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง เราต้องช่วยกันฝึกทักษะหลายด้านให้ลูก ทั้งที่เป็นเรื่องใกล้ตัวและไกลตัว เช่น ฝึกความช่างสังเกต ไม่มองข้ามสิ่งผิดปรกติเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจนำไปสู่อันตราย ฝึกการตั้งสติเมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น เพื่อจะได้ไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป (ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขนาดผู้ใหญ่เอง บางทีสติก็หลุด แต่หากฝึกลูกไว้ จะเป็นประโยชน์แก่ตัวลูกเอง)  ได้รู้จักและเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งปวงเพื่อการระวังภัยให้ตนเอง และฝึกการรู้จักเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์คับขัน ฯลฯ

 

 

เด็กเล็กกับการปลูกฝังการรักภาษาอังกฤษ >>Click

 

 

เทคนิคการสอนการบ้านให้ลูกน้อยสนุกและไม่อึดอัด >>Click

ลูกน้อยกลับจากโรงเรียน... หิว เหนื่อย เพลีย เบื่อ อยากเล่น อยากนอน อยากเล่นเกม อยากวิ่งเล่นกับเพื่อน ไม่อยากถูกบังคับ... สารพัดอาการตามประสาเด็กที่รู้สึกว่าเป็นภาระจากการบ้าน... เรียนมาทั้งวันแล้วยังต้องมานั่งทำการบ้านต่ออีก ไม่สนุกเลยแถมอึดอัด

การบ้านเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียน เนื่องจากส่งผลต่อการเรียนรู้และพัฒนาการโดยรวม การบ้านช่วยให้นักเรียนทบทวนและประเมินผลการเรียนรู้ในห้องเรียน และพัฒนานิสัยการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนทำคะแนนได้ดีขึ้น ฉะนั้นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองคือ ต้องช่วยคุณครูรักษาทัศนคติของนักเรียนที่มีต่อโรงเรียน และค่านิยมของการทำการบ้านให้เป็นไปในเชิงบวกอยู่เสมอ และต้องออกแบบหาเทคนิคสอนการบ้านลูกให้สนุกและไม่อึดอัดด้วย  5 เทคนิคต่อไปนี้

 

 

การสร้างนิสัยมีวินัยให้ลูกตั้งแต่วัยประถมต้น >>Click

นิสัยมีวินัยเป็นสิ่งที่เราต้อง “สร้าง” และ “ปลูกฝัง” ให้ลูกน้อยของเรา เพื่อให้เป็นต้นทุนชีวิตที่ดีงามเมื่อลูกเจริญวัยขึ้น โดยเราจะต้องปรับวิธีการและรูปแบบการสื่อสารให้เหมาะกับลูกในวัยที่กำลังเติบโต เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างลูกกับเรา เพราะบางครั้งลูกอาจต้องการความเป็นอิสระในความคิด การกระทำ ซึ่งทำให้ลูกมีพฤติกรรมท้าทายเพราะกล้าแสดงออกมาขึ้น และสามารถแสดงความคิดของตนเองได้ หรือมีคำถามซึ่งเป็นข้อโต้แย้งที่อาจทำให้อารมณ์ของเราแปรปรวนได้ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปรกติสำหรับเด็กในวัยประถมต้นเช่นลูกของเรา ซึ่งเราเองต้องรู้จักสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะจัดการกับเรื่องราวดังกล่าว

 

 

คณิตศาสตร์ฝึกได้ตั้งแต่เด็ก มาเตรียมลูกให้เก่งไปด้วยกัน >>Click

คณิตศาสตร์จำเป็นสำหรับลูกอย่างไร เราจะฝึกลูกซึ่งยังเป็นเด็กเล็กให้เก่งคณิตศาสตร์ได้ด้วยวิธีใด  พ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่านคงเคยตั้งคำถามเหล่านี้กับตนเอง วันนี้เรามาหาคำตอบและลงมือทำกันค่ะ

“คณิตศาสตร์อยู่รอบตัวเรา” ฉะนั้นคณิตศาสตร์จึงเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญและจำเป็นสำหรับลูก  เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญของการเรียนรู้ สามารถช่วยลูกให้ใช้ความคิดเพื่อแก้ปัญหา และพัฒนาการรับรู้ในด้านต่าง ๆ ได้ดีขึ้น กระบวนการคิดทำให้เกิดสติปัญญา และสติปัญญาจะพาลูกของเราเป็น Smart Kid ได้

 

 

การสอนลูกให้รู้จักทำงานบ้าน และดูแลตัวเอง สร้างนิสัยความรับผิดชอบตั้งแต่เด็ก >>Click

คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองเคยถามตัวเองไหมคะว่า เราเลี้ยงลูกแบบไหน เรากำลังเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กเทวดา คือทำทุกอย่างเพื่อลูกมากไป หรือเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่พึ่งพาตัวเองได้ ให้ลูกเรียนรู้ที่จะเชื่อการตัดสินใจของตนเอง คุณเคยคิดจะสอนลูกให้รู้จักทำงานบ้าน และดูแลตัวเอง เพื่อสร้างนิสัยความรับผิดชอบตั้งแต่เด็กไหม และทำอย่างไรที่จะให้ลูกน้อยไม่งอแงหงุงหงิง จุ๊กจิ๊กต่อรองเมื่อต้องทำงานบ้าน และให้ลูกมีแรงบันดาลใจพร้อมที่จะทำงานนั้นด้วยความสุขและความสนุก

 

 

ทักษะแห่งอนาคตของเด็ก Gen Alpha >>Click

วันนี้ลูกน้อยของเราจัดอยู่ใน Gen Alpha เด็ก Gen นี้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับความเจริญทางเทคโนโลยีล้ำยุค เด็กตัวเล็กตัวน้อยมีโทรศัพท์มือถือไว้ในครอบครอง รู้จักใช้นิ้วไถหาข้อมูลที่มีคอนเทนท์ดี ๆ และที่ชอบได้ด้วยตัวเองตาม platform ที่พ่อแม่จัดไว้ให้ สมองของเด็ก Gen Alpha ฉลาดยิ่งนัก สามารถเรียนรู้เทคโนโลยีได้รวดเร็ว และใช้งานได้เก่ง แต่ถึงอย่างไรลูกก็เป็นเด็กน้อย ยังต้องการการดูแลและการชี้แนะจากเรา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องจัดเตรียมชุดความรู้ไว้ให้ลูก เพื่ออนาคตที่ดีของลูก และในวันหน้าลูกจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคมและประเทศชาติ

 

 

หลักการเลือกโรงเรียนให้ลูก เมื่อลูกกำลังจะเป็นนักเรียน ป.1 >>Click

ทำไมต้องเลือกโรงเรียนให้ลูก เพราะการเลือกโรงเรียนทำให้พ่อแม่มีโอกาสมากขึ้นที่จะบรรลุผลในสิ่งที่คาดหวังสำหรับลูก เหมือนกับเมื่อตอนที่เรารู้ตัวว่าจะมีลูกมาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัว เราก็ไปหาแพทย์ฝากครรภ์ หาตำรับตำรามาอ่านเพื่อดูแลบำรุงรักษาตัวเองและลูกในท้องให้แข็งแรง พอลูกคลอด เราก็หาเครื่องใช้สำหรับเด็กอ่อนที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดให้ลูก อ่านหนังสือดูคลิปการเลี้ยงเด็กเพื่อให้ลูกอยู่รอดปลอดภัย มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง นั่นคือเราต้องการบรรลุผลในสิ่งที่คาดหวังสำหรับลูกในตอนนั้น ฉันใดก็ฉันนั้น ตอนนี้เราคาดหวังที่จะเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมที่สุดให้ลูก เพราะลูกเรากำลังจะเป็นนักเรียน ป. 1 แล้ว เราจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ มาดูกันว่าสิ่งที่เราต้องทำด้วยสมองและหัวใจ เพื่อเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมให้ลูก และคุ้มค่าที่สุดสำหรับเรามีอะไรบ้าง

 

 

เคล็ดลับในการพูดคุยกับครูของลูกเกี่ยวกับข้อกังวล >>Click

การศึกษาของลูกเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างมาก และเนื่องจากลูกยังเป็นเด็กเล็ก จึงมีความห่วงใยตามมาด้วย การพูดคุยกับครูของลูกเกี่ยวกับข้อกังวลจึงเป็นอีกหนึ่งทักษะที่สำคัญ ที่จะช่วยให้ลูกมีประสบการณ์ที่ดีที่โรงเรียน การจะเข้าถึงทักษะนี้ได้ มีเคล็ดลับที่ทำได้ไม่ยากเลยค่ะ

 

 

เทคนิคการสอนลูกให้หาเพื่อนใหม่และการปรับตัว เมื่อต้องเข้าเรียน ป.1 >>Click

การหาเพื่อนใหม่ในโรงเรียนและการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน คงไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปสำหรับเด็กน้อย ป. 1 เด็กที่ช่างพูดช่างคุยอาจไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเจ้าตัวเล็กก็จ้อกับเพื่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่เด็กที่ไม่ช่างพูด เก็บตัว ขี้อาย อาจอึดอัดใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกับเพื่อนอย่างไร ลูกจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะในการหาเพื่อนและการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน และเราต้องมีเทคนิคในการสอนลูกให้รู้จักทักษะนี้และปฏิบัติได้จริง เพื่อให้ลูกรู้จักการเข้าสังคม และอยู่ได้อย่างมีความสุขกับสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ใหม่  5 เทคนิคง่าย ๆ สำหรับสอนลูกรักคือ

 

 

พ่อแม่ควรตอบอย่างไรเมื่อลูกถามว่า “ทำไมหนูต้องไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน” >>Click

ตามประสาเด็กฉลาด ช่างซักช่างถาม อยากรู้อยากเห็นไปหมด แล้วเจ้าตัวน้อยก็ถามคำถามจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมา อาจแถมด้วยอาการงอแงงุ้งงิ้งเพราะความไม่เข้าใจ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องคิดค้นหาคำตอบที่โดนใจให้คนถามยอมรับเหตุผลว่า “ทำไมหนูต้องไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน” เราอย่าเพิ่งเหนื่อยกับคำถามของลูกที่มีคำนำหน้าประโยคว่าทำไม ๆ ทุกครั้งไป ขอให้คิดว่าลูกเราเป็น Smart Kid ที่คิดเองเป็น และเรามีหน้าที่ให้คำตอบให้ลูกเข้าใจได้ การตอบคำถามที่ดูเหมือนง่าย แต่ต้องใช้ทักษะสร้างความเข้าใจให้เจ้าตัวน้อยชิลชิลมีดังนี้คือ

 

 

5 เรื่องที่พ่อแม่ต้องรู้ก่อนส่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ >>Click

การรู้หลายภาษาเป็นความได้เปรียบในโลกปัจจุบันที่เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว พ่อแม่จึงอยากให้ลูกได้เรียนรู้มากกว่าหนึ่งภาษาตั้งแต่ยังเล็ก โดยจะส่งให้ลูกเข้าเรียนในโรงเรียนอินเตอร์ ซึ่งจะเน้นการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ พ่อแม่หวังสร้างอนาคตให้ลูก ต้องการให้ลูกมีโอกาสดี ๆ ในวิชาชีพและการทำงาน มีสังคมกว้างขวางในระดับนานาชาติ แต่ก่อนตัดสินใจจะให้ลูกเข้าเรียนในโรงเรียนอินเตอร์ตามที่เราวาดหวัง ขอให้พิจารณา 5 ประเด็นสำคัญต่อไปนี้ เพื่อดูว่าเราจะไปต่อทางไหน อย่างไร และลูกจะอยู่ในวิถีทางที่เราวางไว้ให้เดินหรือไม่

 

 

ป้องกันภัยกรูมมิ่งออนไลน์ให้ลูกวัยทีน >>Click

ลูกวัยทีนเรียนอยู่ในชั้นมัธยมต้น เติบโตมากับโทรศัพท์มือถือและอยู่ในโลกออนไลน์อย่างเต็มตัว มีเพื่อนมากมายทั้งที่มีตัวตนจริงและเพื่อนอวตาร สื่อสารกันด้วยแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของโซเชียลมีเดีย ส่งข้อความโต้ตอบกันไปมาได้ในทันที พูดคุยกับใครก็ได้ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ทั้งคนคุ้นเคยและคนแปลกหน้า ได้ความรู้และได้ประโยชน์มากมายหากใช้ให้ถูกทาง แต่บางครั้งอาจเสี่ยงต่อการถูกกรูมมิ่งออนไลน์

 

 

การโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียน และเทคนิคการรับมือ >>Click

การโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียนหรือการบูลลี่ที่เกิดกับเด็กเล็กชั้นประถม มีหลายรูปแบบทั้งทางกายและทางวาจา เช่น การล้อเลียน การหยิก การตี การผลัก การต่อยเตะ การตบหัว การหยิบของของเพื่อนไปใช้โดยไม่ขออนุญาตหรือนำไปทิ้ง หรือบางทีเด็กผู้ชายแกล้งเด็กผู้หญิงด้วยการเปิดกระโปรง ผู้กระทำอาจคิดว่าเป็นการล้อเล่นกับเพื่อนเพื่อความสนุกของตนเอง ไม่ได้คิดว่าเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อน แต่ผู้ถูกกระทำเป็นฝ่ายโดนทำร้ายความรู้สึก และการล้อเล่นที่ไม่ได้สนุกด้วยกันทุกฝ่ายจึงเป็นการข้ามเส้นไปสู่การกลั่นแกล้ง

 

 

การเลือกกิจกรรมเสริมที่เหมาะสมให้ลูก เพื่อสร้างลูกที่เก่งและแกร่ง >>Click

การสร้างลูกน้อยให้เก่งและแกร่งคือภูมิปัญญาของพ่อแม่ผู้ปกครองในการปลูกปั้นลูก ซึ่งแต่ละครอบครัวอาจมีวิธีการหลากหลายที่เหมือนกัน คล้ายกัน หรือต่างกัน แต่เชื่อเถอะว่า หนึ่งในความหลากหลายนั้นต้องมีปัจจัยร่วมกันคือการเลือกกิจกรรมเสริมที่เหมาะสมให้ลูก

 

 

ทำอย่างไร เมื่อลูกไม่รักความสะอาด >>Click

ลูกวัยประถมต้องการการเรียนรู้และการพัฒนา ชอบความสะดวกสบาย ซึ่งบางครั้งลูกอาจไม่รู้ว่าสิ่งที่ลูกทำไปนั้นไม่ดี เช่น การไม่รักความสะอาด พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรให้เวลา และใช้ความอดทนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้คำแนะนำที่ทำตามได้โดยไม่ยาก ใจเย็นรอคอยกับการปรับตัวของลูก ไม่ควรคาดหวังว่าลูกจะเปลี่ยนแปลงได้ทันที ให้โอกาสลูกแบบค่อยเป็นค่อยไป และไม่นานเกินรอเราก็จะได้หนูน้อยรักสะอาดคนใหม่ ด้วยความรักและความเข้าใจ เราสามารถช่วยให้ลูกเรียนรู้ และเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ และรักความสะอาดได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ 

 

 

มากแต่...น้อย! เมื่อความรักรังแกลูก ควรแก้ไขอย่างไร >>Click

ลูกคือแก้วตาดวงใจพ่อแม่ ทั้งรัก ทั้งหลง ทั้งหวง ทั้งห่วง รักแบบสปอยล์ ไม่ยอมให้ใครขัดใจ รักแบบตามใจสุดโต่ง จนเหลิงและเคยตัว เพราะพ่อแม่มีเป้าหมายคือให้ลูกมีความสุขสบายมากที่สุด อยากให้ทุกสิ่งที่ลูกต้องการ และคาดหวังว่าลูกจะประสบความสำเร็จในชีวิตเมื่อเติบโตขึ้น ความรักแบบนี้เรียกว่า “รักแบบพ่อแม่รังแกลูก” ทุ่มเทความรักให้ลูกมากมาย แต่ผลที่ได้รับกลับน้อยนิด

 

 

เตรียมลูกสู่อนาคต เด็กอัลฟ่าควรเก่งเรื่องอะไรบ้าง >>Click

ลูกน้อยเรียนชั้นประถมคือเด็กอัลฟ่า ซึ่งเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีและความเจริญรุ่งเรืองของโลกอย่างรวดเร็วชนิดก้าวกระโดด พ่อแม่ผู้ปกครองต้องปรับตัวเองให้ทันโลกและยุคสมัย ขณะเดียวกันก็รีบดำเนินการจัดเตรียมลูกน้อยให้พร้อมสู่อนาคต กำหนดเป้าหมายและวางแผนการดำเนินชีวิตให้ลูกน้อย เพื่อให้ทั้งลูกและเราเองมีความมั่นใจร่วมกันที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าให้อยู่รอดปลอดภัย เนื่องจากลูกยังเล็ก เราจึงต้องช่วยลูกพัฒนาให้เก่งทั้งทางร่างกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคม ให้ลูกมีการเรียนรู้และเติบโตได้ตามศักยภาพของตนเอง มีพื้นฐานในการดำรงชีวิตที่แข็งแกร่ง แล้วเด็กอัลฟ่าลูกเราควรต้องเก่งเรื่องอะไรบ้างเพื่อการก้าวสู่โลกแห่งอนาคต มาดูกัน

 

 

เมื่อลูกเป็นเด็กพิเศษ พ่อแม่ควรเลือกกิจกรรมเสริมทักษะอย่างไร >>Click

คำว่า “ลูก” มีความหมายสำหรับคุณพ่อคุณแม่เสมอ แม้ว่าบางครอบครัวอาจจะมีลูกที่เป็น “เด็กพิเศษ”  แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความรักของคุณพ่อคุณแม่ลดน้อยลงเลย ตรงกันข้าม กลับยิ่งต้องเพิ่มความรักและการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้เจ้าตัวน้อยเป็นเด็กพิเศษที่พิเศษที่สุดของครอบครัว

“เด็กพิเศษ” หรือ “เด็กที่มีความต้องการพิเศษ” หมายถึง เด็กที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือเป็นพิเศษ เนื่องจากความบกพร่องหรือข้อจำกัดทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ประสาทสัมผัส อารมณ์ และสังคม รวมถึงการได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อม อันเป็นเหตุให้เด็กมีข้อจำกัดหรืออุปสรรคต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิต หรือการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทางสังคมให้สำเร็จตามบทบาทปกติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของความบกพร่องหรือข้อจำกัดนั้น ๆ

 

 

Checklist สำหรับพ่อแม่ ก่อนให้ลูกน้อยเรียนแบบ Homeschool >>Click

หากเราอยากเป็นครอบครัว Homeschool โดยมีเราเป็นคุณแม่โฮมสคูลคนใหม่ เราก็ต้องเริ่มเรียนหนังสือจากที่บ้านกับลูก เรียนรู้ไปพร้อมกับลูกแล้วสอนลูกของเราเอง และสามารถนำพาลูกให้เติบโตบนเส้นทางนี้ จนกระทั่งเข้าศึกษาต่อในสถาบันอื่นหรือในอาชีพอื่นตามที่เรามุ่งหวังร่วมกับลูกได้อีกด้วย ถึงแม้การจัดโฮมสคูลให้ลูกเป็นความรับผิดชอบและงานหนัก แต่เราควรต้องทำให้เกิดความรู้สึกสนุก ผ่อนคลาย และเพลิดเพลินในการทำงาน ได้ใช้เวลากับลูกมากขึ้น พักผ่อน และไปเที่ยวกับลูกได้ทุกเมื่อตามต้องการ ลูกมีอิสระในการเรียนและการทำกิจกรรมเกี่ยวกับการเรียน เรามีเวลาส่วนตัวในการทำอย่างอื่น เรารู้จักลูกของเราดีกว่าใคร ๆ รู้จุดแข็งจุดอ่อนของลูก ฉะนั้น move on ไปตามทางของเราและสร้างเส้นทางของเราเอง

 

 

การเลือกโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษในวัยประถม >>Click

พ่อแม่ที่มีลูกเป็น “เด็กพิเศษ” หรือ “เด็กที่มีความต้องการพิเศษ” จำเป็นต้องรู้และเข้าใจก่อนว่า ลูกน้อยของเราเขาต้องการความช่วยเหลือที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของความบกพร่องหรือข้อจำกัดทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ประสาทสัมผัส อารมณ์ และสังคม ซึ่งพ่อแม่ในฐานะผู้ที่ใกล้ชิดลูกมากที่สุด จำเป็นต้องพัฒนาความรู้และทักษะในการดูแลที่เฉพาะเจาะจง รวมทั้งต้องการการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยบรรเทาความเครียด สามารถเผชิญและจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอื้อต่อการตอบสนองความต้องการของลูกได้อย่างเหมาะสม และตัวช่วยที่สำคัญที่สุดคือ “โรงเรียน” แล้วเราจะเลือกโรงเรียนให้ลูกอย่างไรดี วันนี้มีคำตอบมาฝากค่ะ

 

 

นิทานสร้างสรรค์มีประโยชน์กับลูกน้อยอย่างไร >>Click

ธรรมชาติของเด็กทุกคนคือชอบนิทาน ลูกน้อยชอบอ้อนให้คุณพ่อคุณแม่เล่านิทานให้ฟัง โดยเฉพาะช่วงก่อนนอนซึ่งเป็นห้วงเวลาแห่งความสุขระหว่างลูกกับเรา ช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายนี้ทำให้ลูกนอนหลับฝันดี ตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความสดชื่นแจ่มใส กายใจสมบูรณ์แข็งแรง มีความสุข มีพลัง โลดแล่นไปกับวันใหม่อย่างเต็มสตีมของลูก นิทานสร้างสรรค์ดี ๆ มีมนต์ขลังช่วยสร้างสารเคมีแห่งความสุขให้ลูกเราได้อย่างไร มาดูกันค่ะ

 

 

รักวัวให้ผูก รักลูก...ไม่ตี! >>Click

หากลูกตัวน้อยวัยประถมทำผิดพลาดแล้วโดนตี ผิวเนื้ออ่อน ๆ ที่ถูกทุบตีไปก็เจ็บตัวเปล่า และเราซึ่งเป็นผู้กระทำก็ต้องเจ็บปวดไปกับลูกด้วยหลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว และเห็นร่องรอยของความเจ็บช้ำหรือบาดแผลที่เนื้อตัวของลูก เข้าทำนอง “หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ” เพราะเราเองก็รักลูกดังดวงใจ หากแต่ทำไปเพราะอารมณ์โกรธ โมโห ไม่พอใจที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและปัจจุบันทันด่วน จนยับยั้งห้ามใจไม่ทัน ลูกเองก็กลัว เจ็บปวด ร้องไห้ โศกเศร้า เสียใจ เครียด วิตกกังวล หมดกำลังใจ สับสน หวาดระแวงหากโดนตีซ้ำ ๆ เป็นประจำหรือต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางจิตใจและความสุขของลูกในระยะยาว

 

 

มีวิธีสอนลูกยังไง เมื่อต้องเจอเพื่อนขี้อวด >>Click

ลูกน้อยวัยประถมของเราเริ่มมีเพื่อนมากขึ้นทุกที ๆ ทั้งเพื่อนนักเรียนห้องเดียวกัน เพื่อนต่างห้อง และเพื่อนเล่นแถวบ้าน ลูกได้พูดจาและเล่นสนุกกับเพื่อน ๆ ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน ได้เมาธ์มอยกันตามประสาเด็ก หลากหลายเรื่องราวเล่าสู่กันฟัง เพื่อนที่คุยเล่นสนุกก็มี เพื่อนขี้อวดก็มี และลูกเราอาจยังเล็กเกินไปที่จะแยกแยะได้ถึงลักษณะที่พึงประสงค์ของเพื่อน ฟังเพื่อนขี้อวดคุยบ่อย ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน ในเรื่องของเล่นชิ้นใหม่ราคาแพง ชุดเด็กแสนสวยสุดหรูตามความนิยม โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่เกินวัยเด็กเล็ก สถานที่ท่องเที่ยวอลังการงานสร้าง ที่ผู้ปกครองของเพื่อนประดังประเดให้ลูกตามสภาพสังคมและเศรษฐกิจของครอบครัว ฯลฯ ลูกเราฟังแล้วอาจเกิดความรู้สึกหลากหลาย เช่น น่าเบื่อ น่ารำคาญกับความขี้อวด หรือเกิดความรู้สึกอยากมี อยากได้ อยากเป็นอย่างเพื่อน เมื่อลูกมาเล่าถ่ายทอดให้เราฟัง เราจะมีวิธีสอนลูกอย่างไรเมื่อต้องเจอเพื่อนขี้อวด

 

 

วิธีการสร้างภูมิคุ้มกันความเปราะบาง จากการถูกล้อเลียน >>Click

เด็กเล็กชอบล้อเลียนกัน เพราะคิดว่าเป็นการล้อเพื่อนเล่นด้วยความสนุก ซึ่งคนล้อสนุกแน่ แต่เป็นเรื่องตลกที่ไม่พึงประสงค์ของคนที่ถูกล้อ เพราะการถูกล้อนั้นอาจเกิดจากความบกพร่องทางร่างกายหรือจิตใจ หรือสภาพเศรษฐกิจฐานะทางสังคมของฝ่ายที่ถูกล้อ หรือหน้าตาผิวพรรณที่แตกต่างจากเพื่อน ๆ ทำให้ฝ่ายที่ถูกล้อเลียนเกิดความอับอาย สับสน เครียด ซึมเศร้า รู้สึกตัวเองถูกด้อยค่า ขาดความสุข มองไม่เห็นความเป็นมิตรจากผู้อื่น ไม่อยากพบปะผู้คน ไม่อยากไปโรงเรียน ฯลฯ

 

 

การฝึกให้ลูกเรียนรู้ เข้าใจ และจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง >>Click

 

 

การฝึกความเป็นนักคิด นักวิทยาศาสตร์น้อยในตัวลูก >>Click

ความอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมชาติของลูกน้อย ที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรสนับสนุนส่งเสริมให้ถูกทาง เนื่องจากเป็นทักษะพื้นฐานอย่างหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการสรรค์สร้างความคิดสร้างสรรค์ให้ลูกได้ และวิชาสำคัญอย่างหนึ่งที่จะปลุกเร้าความเป็นนักคิดให้ลูกได้คือวิชาวิทยาศาสตร์ ความน่าสนุก น่าสนใจ และน่าตื่นเต้นของวิชานี้คือ ช่วยให้ลูกน้อยรู้จักคิดและหาคำตอบอย่างเป็นเหตุเป็นผล สนุกกับการเป็นนักแสวงหาที่ค้นคว้าหาความรู้และข้อมูลได้ด้วยตนเอง และเลือกเชื่อเลือกใช้ข้อมูลที่ได้มาอย่างมีสติปัญญาและวิจารณญาณ โลกในยุคปัจจุบันเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ทักษะในด้านการคิด วิเคราะห์ และแยกแยะด้วยความเป็นนักวิทยาศาสตร์น้อยในตัวลูก จะทำให้ลูกเป็น Smart Kids เติบโตอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ในอนาคต

 

 

พัฒนาการของลูกวัยประถมต้นและแนวทางการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัย >>Click

ลูกน้อยวัยประถมต้นของเราเติบโตเร็วมากทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม โดยสังเกตได้จากคำพูดที่บางครั้งฉาดฉานเหมือนเด็กโต การแสดงออกและความนึกคิดทางจิตใจพลิ้วไหวได้หลายรูปแบบ มีความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งรอบตัวตามธรรมชาติของเด็กมากขึ้น ช่างซักถามในประเด็นข้อสงสัย มีเพื่อนวัยเดียวกันทั้งแถวบ้านและที่โรงเรียนหลายกลุ่ม มีพัฒนาการการเรียนรู้ทั้งด้านการอ่าน การเขียน และการพูดเพิ่มขึ้น พร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้ทุกวัน รู้จักเลือกอาหารการกินที่ตนเองชอบและไม่ชอบ รู้จักสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในบางเรื่อง โดยอาจได้แนวคิดมาจากหนังการ์ตูนสุดโปรด การดูหนังสือนิทานภาพ การจำจากเรื่องเล่าที่เราเล่าให้ฟัง เกมและวีดิโอสนุก ๆ หรือจากการที่เราพาลูกไปเที่ยวนอกบ้าน หรือพักผ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ฯลฯ

 

 

วิชาอะไรที่ลูกในวัยประถมต้นไม่ควรพลาด >>Click

ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษาหลายท่านได้ให้ข้อเสนอแนะถึงวิชาที่มีความสำคัญไม่แพ้วิชาหลัก ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการและตัวตนของเด็กวัยประถม ได้แก่ พลศึกษา กีฬา เนื่องจากการออกกำลังกายมีผลต่อสมอง เพิ่มพูนสมรรถนะทางด้านร่างกาย สร้างสมาธิ ส่งผลดีต่ออารมณ์และจิตใจ และส่งเสริมให้มีน้ำใจนักกีฬา เศรษฐกิจ การเงิน เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมุ่งเน้นและปลูกฝังให้ติดจนเป็นนิสัยของเด็กวัยนี้คือ ความขยัน การประหยัด และการเก็บออม การดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีและดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัว และการตรงต่อเวลา ซึ่งเป็นการสร้างวินัยในตัวเองและการเคารพผู้อื่น

 

 

ฝึกทักษะการคิดเองเป็น ช่วยลูกวัยประถมต้นให้เติบโต >>Click

การเลี้ยงลูกเปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ หากเราต้องการให้ต้นไม้งดงามออกดอกออกผล เราก็ต้องหมั่นดูแล รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยเกษตรอินทรีย์ กำจัดวัชพืชและแมลงที่รบกวนต้นไม้ ตัดแต่งกิ่งก้านให้สวยงาม เนื่องจากลูกน้อยวัยประถมต้นของเรายังเล็กมาก ต้องการการดูแลบำรุงรักษาเช่นกัน เราจึงต้องช่วยลูกกรุยทางให้เติบโตสู่อนาคตอันสดใส ด้วยการฝึกทักษะการคิดเองเป็น ซึ่งมีความสำคัญกับลูกมาก ในการพัฒนาพลังแห่งการเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ลูกรู้จักการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสมได้ด้วยตนเองเมื่อเจริญวัยขึ้น สร้างความมั่นใจในสิ่งที่พิจารณาและตัดสินใจ ซึ่งจะทำให้ลูกอยู่รอดปลอดภัยได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เราซึ่งเป็นต้นแบบและที่ปรึกษาของลูก จึงควรฝึกทักษะการคิดเองเป็นให้ลูกคือ

 

 

จัดระเบียบสมองให้ลูกน้อย เพื่อพัฒนาการที่ดี >>Click

 “หยิบก็ง่าย หายก็รู้ ดูก็งามตา” การจัดระเบียบบ้านและข้าวของในบ้านมีความสำคัญกับบ้านอย่างไร การจัดระเบียบสมองก็มีความสำคัญต่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยวัยประถมเช่นกัน วัยนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของเด็ก จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาและทางสมองของลูก เพื่อช่วยให้ลูกสร้างความมั่นใจและรู้สึกปลอดภัยในสภาวะแวดล้อมรอบตัว ซึ่งทำได้ไม่ยาก มาดูกันค่ะ

 

 

เมื่อลูกเริ่มรู้จักการโกหก ทำอย่างไรไม่ให้ลูกเป็นเด็กเลี้ยงแกะ >>Click

ลูกน้อยมียางลบ ดินสอ สติ๊กเกอร์สวย ๆ ของเล่นชิ้นเล็ก ๆ อยู่ในกระเป๋าหนังสือเรียน ซึ่งเป็นสิ่งของแปลกปลอมที่เราไม่ได้ซื้อให้ เมื่อถามลูก ได้รับคำตอบว่าเพื่อนให้ เมื่อบ่อยครั้งเข้า เป็นเรื่องน่าสังเกตแล้วว่าเพื่อนให้สิ่งของเหล่านั้นจริงหรือเปล่า หรือตื่นเช้าขึ้นมา ลูกบอกว่าไม่สบาย ปวดหัวปวดท้อง อยากอ้วก เราต้องจับสัญญาณให้ได้ว่าลูกป่วยจริง หรือเป็นวิธีการที่ลูกคิดขึ้นมาเพราะไม่อยากไปโรงเรียน หรือลูกไม่ได้ทำการบ้านจนคุณครูต้องทวงถามจากเรา เมื่อได้หลักฐานแน่ชัดว่าลูกเริ่มรู้จักการโกหกแล้ว เราจะทำอย่างไรไม่ให้ลูกเป็นเด็กเลี้ยงแกะ

 

 

 

ผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานการเรียนรู้และพัฒนาทักษะชีวิตให้กับเด็กประถมต้น การสนับสนุนทั้งด้านการศึกษา อารมณ์ และวินัยจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดี พร้อมปรับตัวสู่ระดับการเรียนที่สูงขึ้น ด้วยความเข้าใจและการเลี้ยงดูที่เหมาะสม เด็กจะเติบโตอย่างมั่นใจและมีความสุขในการเรียนรู้

 

 
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Knowledge
  • 0 Followers
  • Follow